Flag EnglandFlag Thailand

สัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลา vs. สัญญาจ้างแบบถาวร: ข้อดีและข้อเสีย


contract


การเลือกประเภทสัญญาจ้างเป็นหนึ่งในการตัดสินใจสำคัญที่ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ บทความนี้ ByteHR จะวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของสัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลา (Fixed-term Contract) และสัญญาจ้างแบบถาวร (Permanent Contract) เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด


สัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลา (Fixed-term Contract)

สัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลาคือข้อตกลงการจ้างงานที่มีการระบุวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดอย่างชัดเจน มักใช้สำหรับโครงการเฉพาะ งานตามฤดูกาล หรือการทดแทนพนักงานที่ลาออกชั่วคราว


ข้อดีสำหรับนายจ้าง

  1. ความยืดหยุ่นในการบริหารกำลังคน: สามารถปรับจำนวนพนักงานตามความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง

  2. การควบคุมต้นทุน: ลดภาระผูกพันทางการเงินระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจไม่แน่นอน

  3. การทดลองงาน: เป็นโอกาสในการประเมินทักษะและความเหมาะสมของพนักงานก่อนตัดสินใจจ้างแบบถาวร

  4. การจัดการโครงการเฉพาะ: เหมาะสำหรับงานที่มีขอบเขตและระยะเวลาที่ชัดเจน

  5. การสิ้นสุดสัญญาที่ง่ายกว่า: มีกระบวนการสิ้นสุดสัญญาที่ชัดเจนเมื่อถึงวันที่กำหนด


ข้อดีสำหรับลูกจ้าง

  1. ประสบการณ์หลากหลาย: โอกาสในการทำงานกับหลายองค์กรและโครงการที่แตกต่างกัน

  2. ความยืดหยุ่นส่วนบุคคล: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอิสระหรือไม่ต้องการผูกมัดระยะยาว

  3. โอกาสในการต่อรอง: สามารถต่อรองเงื่อนไขและค่าตอบแทนใหม่เมื่อมีการต่อสัญญา

  4. เงินเดือนที่สูงกว่า: บางกรณีอาจได้รับค่าตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อชดเชยความไม่มั่นคง

  5. โอกาสในการเปลี่ยนเป็นพนักงานประจำ: หากทำงานได้ดี อาจได้รับการพิจารณาให้เป็นพนักงานถาวร


ข้อเสียสำหรับนายจ้าง

  1. ความผูกพันต่อองค์กรต่ำ: พนักงานอาจมีความผูกพันต่อองค์กรน้อยกว่า

  2. อัตราการลาออกสูง: ความเสี่ยงที่พนักงานจะลาออกก่อนสิ้นสุดสัญญาหากพบโอกาสที่ดีกว่า

  3. ต้นทุนการฝึกอบรมสูญเปล่า: การลงทุนในการฝึกอบรมอาจสูญเปล่าเมื่อสัญญาสิ้นสุด

  4. ประสิทธิภาพการทำงาน: อาจได้รับผลกระทบเมื่อใกล้สิ้นสุดสัญญาเนื่องจากความไม่แน่นอน

  5. ข้อจำกัดทางกฎหมาย: ในหลายประเทศมีกฎหมายจำกัดการต่อสัญญาจ้างชั่วคราวหลายครั้ง


ข้อเสียสำหรับลูกจ้าง

  1. ความไม่มั่นคงในการทำงาน: ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตการทำงาน

  2. สวัสดิการที่น้อยกว่า: อาจได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์น้อยกว่าพนักงานประจำ

  3. การเข้าถึงสินเชื่อยากกว่า: สถาบันการเงินมักพิจารณาความมั่นคงในรายได้

  4. โอกาสในการพัฒนาอาชีพที่จำกัด: อาจมีโอกาสน้อยในการเลื่อนตำแหน่งหรือพัฒนาอาชีพ

  5. ความเครียดจากความไม่แน่นอน: ความกังวลเกี่ยวกับการต่อสัญญาหรือการหางานใหม่


สัญญาจ้างแบบถาวร (Permanent Contract)

contract2


สัญญาจ้างแบบถาวรคือข้อตกลงการจ้างงานที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีการยกเลิกโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ข้อดีสำหรับนายจ้าง

  1. ความผูกพันและความภักดีของพนักงาน: พนักงานประจำมักมีความผูกพันต่อองค์กรมากกว่า

  2. การลดต้นทุนการสรรหาและฝึกอบรม: การรักษาพนักงานในระยะยาวช่วยลดต้นทุนเหล่านี้

  3. ความต่อเนื่องและความเชี่ยวชาญ: พนักงานประจำสะสมความรู้และประสบการณ์เฉพาะทาง

  4. วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง: ความสัมพันธ์ระยะยาวช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร

  5. ความน่าเชื่อถือขององค์กร: การมีพนักงานประจำจำนวนมากแสดงถึงความมั่นคงขององค์กร


ข้อดีสำหรับลูกจ้าง

  1. ความมั่นคงในการทำงาน: ความแน่นอนที่มากกว่าเกี่ยวกับอนาคตการทำงาน

  2. สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า: มักได้รับสวัสดิการที่ครอบคลุมกว่า เช่น ประกันสุขภาพ เงินบำนาญ

  3. โอกาสในการพัฒนาอาชีพ: มีโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งและพัฒนาสายอาชีพที่ชัดเจน

  4. การเข้าถึงสินเชื่อที่ง่ายกว่า: สถาบันการเงินมองว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่า

  5. ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน: นโยบายที่เป็นมิตรต่อครอบครัวมักมีให้สำหรับพนักงานประจำ


ข้อเสียสำหรับนายจ้าง

  1. ความยืดหยุ่นที่น้อยลง: ยากกว่าในการปรับลดกำลังคนเมื่อความต้องการลดลง

  2. ต้นทุนที่สูงกว่า: ภาระผูกพันทางการเงินระยะยาว รวมถึงเงินเดือน สวัสดิการ และเงินชดเชย

  3. ความเสี่ยงจากพนักงานที่มีผลงานไม่ดี: อาจยากในการเลิกจ้างพนักงานที่มีผลงานไม่ดี

  4. ความเฉื่อยชาขององค์กร: พนักงานอาจต่อต้านการเปลี่ยนแปลงหรือขาดความกระตือรือร้น

  5. ข้อกำหนดทางกฎหมายที่เข้มงวด: กระบวนการเลิกจ้างที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง


ข้อเสียสำหรับลูกจ้าง

  1. ความยืดหยุ่นในชีวิตส่วนตัวที่น้อยลง: อาจมีข้อจำกัดในการเปลี่ยนงานหรือเส้นทางอาชีพ

  2. โอกาสในการต่อรองที่น้อยลง: การปรับเงินเดือนมักเป็นไปตามนโยบายองค์กร

  3. ความเสี่ยงจากความเบื่อหน่าย: การทำงานในที่เดิมเป็นเวลานานอาจนำไปสู่ความเบื่อหน่าย

  4. การพึ่งพาองค์กรเดียว: ความเสี่ยงเมื่อองค์กรประสบปัญหาทางการเงิน

  5. ทักษะที่จำกัด: อาจมีโอกาสน้อยในการพัฒนาทักษะที่หลากหลาย


ข้อพิจารณาทางกฎหมายในประเทศไทย

ในประเทศไทย การจ้างงานทั้งสองรูปแบบมีข้อพิจารณาทางกฎหมายที่สำคัญ

สัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลา

  • ต้องเป็นงานที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น งานตามฤดูกาล งานโครงการ หรืองานชั่วคราว

  • เมื่อสิ้นสุดสัญญา นายจ้างไม่มีภาระในการจ่ายค่าชดเชยหากไม่ต่อสัญญา

  • การต่อสัญญาหลายครั้งอาจถูกตีความว่าเป็นการจ้างแบบถาวรโดยปริยาย

สัญญาจ้างแบบถาวร

  • นายจ้างต้องปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างเคร่งครัด

  • การเลิกจ้างต้องมีเหตุผลที่เพียงพอและต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย

  • ลูกจ้างมีสิทธิได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด


แนวทางการเลือกประเภทสัญญาจ้าง

สำหรับนายจ้าง

  1. พิจารณาลักษณะของงาน: งานที่มีลักษณะเฉพาะหรือชั่วคราวเหมาะกับสัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลา

  2. วิเคราะห์แผนธุรกิจระยะยาว: หากต้องการความต่อเนื่องและความเชี่ยวชาญ การจ้างแบบถาวรอาจคุ้มค่ากว่า

  3. ประเมินต้นทุนและผลประโยชน์: พิจารณาทั้งต้นทุนทางการเงินและผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กร

  4. สร้างสมดุล: อาจใช้ทั้งสองรูปแบบร่วมกันเพื่อความยืดหยุ่นและความมั่นคง

  5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย: เพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง


สำหรับลูกจ้าง

  1. ประเมินเป้าหมายอาชีพ: สัญญาถาวรเหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคง สัญญาระยะเวลาเหมาะกับผู้ที่ต้องการประสบการณ์หลากหลาย

  2. พิจารณาสถานการณ์ส่วนตัว: ความต้องการด้านการเงิน สถานะครอบครัว และแผนการในอนาคต

  3. วิเคราะห์อุตสาหกรรม: บางอุตสาหกรรม เช่น ไอที หรือสื่อ การจ้างแบบโครงการอาจเป็นเรื่องปกติ

  4. ประเมินองค์กร: พิจารณาความมั่นคงและชื่อเสียงขององค์กรก่อนตัดสินใจ

  5. อ่านสัญญาอย่างละเอียด: ทำความเข้าใจเงื่อนไขทั้งหมดก่อนลงนาม


ทั้งสัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลาและสัญญาจ้างแบบถาวรมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกประเภทสัญญาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา ได้แก่ ลักษณะของงาน แผนธุรกิจระยะยาว ความต้องการด้านความยืดหยุ่น และความมั่นคง รวมถึงข้อกำหนดทางกฎหมาย

ในปัจจุบัน หลายองค์กรเริ่มใช้แนวทางผสมผสาน โดยมีทั้งพนักงานประจำและพนักงานสัญญาจ้าง เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นและความมั่นคง การทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของแต่ละรูปแบบจะช่วยให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของตน

ติดตามบทความความรู้เกี่ยวกับภาษี เคล็ดลับและความรู้สำหรับพนักงานและผู้ประกอบการ และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้ที่ ByteHR หรือ หากคุณต้องการเริ่มต้นใช้โปรแกรมสำหรับ HR แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มอย่างไรและฟังก์ชันต่างๆจะตอบสนองความต้องการใช้งานของบริษัทคุณหรือไม่ ลองปรึกษา ByteHR ได้ฟรีทาง  02 026 3297 หรือติดต่อ sales@byte-hr.com

Sea Chonthicha
เกี่ยวกับผู้เขียน
ซีมีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายกว่า 9 ปี ในด้านทรัพยากรบุคคล การสรรหาบุคลากร และการตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ปัจจุบันเธอกำลังสร้างประสบการณ์การทำงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในภาคธุรกิจการบริการ โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเธอในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นวัตกรรมทางการตลาด